ໃ บ ຫນ້ າ
ໃນໂລກຍຸກໃໝ່ທີ່ເຕັມໄປດ້ວຍການພັດທະນາແລະການກ້າວຂ້າມຂອງເທກໂນໂລຊີ ໃນປັດຈຸບັນນີ້ ການສື່ສານແລະການເຂົ້າເຖິງຂໍ້ມູນຂ່າວສານຕ่างໆ ບໍ່ແມ່ນເລື່ອງຍາກອີກຕໍ່ໄປ ແຕ່ຍ້ອນວ່າຂໍ້ມູນຂ່າວສານຕ່າງໆ ກໍ່ສາມາດເຂົ້າເຖິງໄດ້ງ່າຍເຊັ່ນດຽວກັນ ທາງກຸ່ມຜູ້ກ่อເຫດຮ້າຍກໍ່ສາມາດສື່ສານແລະເຜີຍແຜ่ຂໍ້ມູນຂ່າວສານຂອງຕົນເองໄດ້ງ່າຍຂຶ້ນເຊັ່ນດຽວກັນ ນີ້ເພາະສະນັ້ນເດັກນ້ອຍນັກຮຽນຈຶ່ງຄວນລະມັດລະວັງໃນການນໍາໃຊ້ເຄື່ອງມືທີ່ກ່ຽວຂ້ອງກັບອິນເຕີເນັດ
ເຫດຜົນບາງຢ່າງທີ່ເດັກນ້ອຍນັກຮຽນຄວນລະມັດລະວັງ
ຍ້ອນວ່າເດັກນ້ອຍນັກຮຽນມักໃຊ້ເຄື່ອງມືທີ່ກ່ຽວຂ້ອງກັບອິນເຕີເນັດ ເພື່ອຄົ້ນຫາຂໍ້ມູນຂ່າວສານ ເຮັດວຽກບ້ານ ຫຼືແມ່ນແຕ່ໃຊ້ເພື່ອຄວາມບັນເທີງ ສະນັ້ນເດັກນ້ອຍນັກຮຽນຈຶ່ງມักຈະຕกເປັນເหยື່ອຂອງກຸ່ມຜູ້ກ่อເຫດຮ້າຍຢູ່ເสมอ ເພາະສະນັ້ນເດັກນ້ອຍນັກຮຽນຈຶ່ງຄວນລະມັດລະວັງໃນການນໍາໃຊ້ເຄື່ອງມືທີ່ກ່ຽວຂ້ອງກັບອິນເຕີເນັດ ນອກຈາກນີ້ເດັກນ້ອຍນັກຮຽນຍັງຄວນຮູ້ຈັກການປ້ອງກັນຕົວເອງຈາກการกลั่นແກล้งทางອິນເຕີເນັດ ຫຼືທີ່ຮູ້จักກັນທົ່ວໄປໃນຊື່ Cyberbullying ເຊິ່ງເປັນການกระทำที่สามารถส่งຜົນເສຍหายต่อสภาพจิตใจของເດັກນ້ອຍນັກຮຽນໄດ້
ການປ້ອງກັນຕົວເອງຈາກກຸ່ມຜູ້ກ่อເຫດຮ້າຍ
ໃນການປ້ອງກັນຕົວເອງຈາກກຸ່ມຜູ້ກ่อເຫດຮ້າຍ ເດັກນ້ອຍນັກຮຽນສາມາດປະຕິບັດດັ່ງນີ້
- ລະມັດລະວັງໃນການນໍາໃຊ້เครือຂ่ายสังคมออนไลน์ ເດັກນ້ອຍນັກຮຽນຄວນລະมັດລະວັງໃນການເຜີຍແຜ่ຂໍ້ມູນส่วนຕົວ ຫຼືຮູບພາບของຕົນເອງลงบนเครือຂ่ายสังคมออนไลน์ ເພາະວ່າຂໍ້ມູນเหล่าນີ້ສາມາດຖືກນໍາໄປໃຊ້ในทางที่ผิดได้
- ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้เข้มงวด ເດັກນ້ອຍນັກຮຽນຄວນตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้เข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้ง่ายเกินไป
- ระวังเนื้อหาที่แชร์บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ເດັກນ້ອຍນັກຮຽນควรรระมัดระวังเนื้อหาที่แชร์บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่แชร์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมหรืออาจสร้างความไม่ปลอดภัยให้กับตนเอง
- หลีกเลี่ยงการติดต่อกับคนที่ไม่รู้จักทางออนไลน์ ເດັກນ້ອຍนັກຮຽนควรหลีกเลี่ยงการติดต่อกับคนที่ไม่รู้จักทางออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบุคคลเหล่านั้นพยายามขอข้อมูลส่วนตัวหรือชักชวนให้ไปพบปะกันเป็นการส่วนตัว
- แจ้งผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือหากพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ເດັກນ້ອຍนัักเรียนควรแจ้งผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือหากพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทางออนไลน์ เช่น การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ การคุกคาม หรือการล่วงละเมิดทางเพศ
ການປ້ອງກັນຕົວເອງຈາກการกลั่นແກล้งทางອິນເຕີເນັດ
ໃນການປ້ອງກັນຕົວເອງຈາກการกลั่นແກล้งทางອິນເຕີເນັດ ເດັກນ້ອຍນັກຮຽນສາມາດປະຕິບັດ ดັ່ງນີ້
- ไม่ตอบโต้กับผู้ที่กลั่นแกล้ง การตอบโต้กับผู้ที่กลั่นแกล้งจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือการไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น
- บันทึกหลักฐานการกลั่นแกล้ง หากมีการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ ເດັກນ້ອຍนັักเรียนควรบันทึกหลักฐานการกลั่นแกล้งไว้ เช่น การแคปหน้าจอข้อความหรือโพสต์ที่กลั่นแกล้ง หลักฐานเหล่านี้สามารถใช้ในการแจ้งความหรือร้องเรียนต่อผู้ดูแลระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้
- แจ้งผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือ หากพบเจอการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ ເດັກນ້ອຍนັักเรียนควรแจ้งผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือให้ทราบ เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือสามารถช่วยเหลือและให้คำแนะนำได้
- ใช้เครื่องมือป้องกันการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ ปัจจุบันมีเครื่องมือป้องกันการกลั่นแกล้งทางออนไลน์มากมายที่สามารถช่วยปกป้องผู้ใช้จากการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ได้ เช่น แอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ที่สามารถกรองข้อความหรือโพสต์ที่ไม่เหมาะสมออกไปได้
- ดูแลสุขภาพจิตของตัวเอง การกลั่นแกล้งทางออนไลน์สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งจะต้องดูแลสุขภาพจิตของตัวเองให้ดี เช่น การพูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว การออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย
ສະຫຼຸບ
การกลั่นแกล้งทางออนไลน์ หรือ Cyberbullying เป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนจำนวนมาก การกลั่นแกล้งทางออนไลน์สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งได้ เช่น ทำให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้าได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เด็กและเยาวชนจะต้องรู้จักป้องกันตนเองจากการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ และผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือควรให้การสนับสนุนและคำแนะนำแก่เด็กและเยาวชนในการป้องกันตนเองจากการกลั่นแกล้งทางออนไลน์
5 ຄໍາຖາມທີ່ມັກຖາມເລື້ອຍໆກ່ຽວກັບຫົວຂໍ້ບົດຄວາມ
1. ເດັກນ້ອຍນັກຮຽນຄວນระมัดระวังอะไรบ้างในการใช้งานอินเทอร์เน็ต?
2. ເດັກນ້ອຍນັກຮຽນสามารถป้องกันตัวเองจากกลุ่มผู้ก่อเหตุร้ายได้อย่างไร?
3. ເດັກນ້ອຍนັักຮຽນสามารถป้องกันตัวเองจากการกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร?
4. การกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ตส่งผลกระทบอย่างไรต่อสุขภาพจิตของผู้ที่ถูกกลั่นแกล้ง?
5. ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือสามารถให้การสนับสนุนและคำแนะนำแก่เด็กและเยาวชนในการป้องกันตนเองจากการกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร?